วิตามินบี 2 ช่วยประโยชน์อะไร

วิตามินบี 2 ช่วยประโยชน์อะไร

วิตามินบี 2 เป็นหนึ่งในแปดของวิตามินบีที่จำเป็นต่อร่างกาย วิตามินที่ละลายในน้ำได้ วิตามินบี 2 ช่วยในการปลดปล่อยพลังงานจากโปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรต จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การพัฒนา และการทำงานโดยรวมของเซลล์ วิตามินบี 2 พบได้ตามธรรมชาติในอาหารหลายชนิด

วิตามินบี 2 คืออะไร

วิตามินบี 2 หรือที่เรียกว่า “ไรโบเฟลวิน” มีสีเหลืองและเรืองแสงตามธรรมชาติเมื่อสัมผัสกับแสงอัลตราไวโอเลต บทบาทของวิตามินบี 2 ได้แก่ ช่วยรักษาเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรง เพิ่มระดับพลังงานในการเผาผลาญที่ดีต่อสุขภาพ ป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต ปกป้องสุขภาพผิวหนังและดวงตา

วิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) ใช้ร่วมกับวิตามินบีอื่น ๆ ซึ่งประกอบเป็น “วิตามินบีรวม” อันที่จริง วิตามินบี 2 ต้องมีอยู่ในร่างกายปริมาณมากเพียงพอเพื่อให้วิตามินบีอื่นๆ รวมทั้งวิตามินบี 6 และกรดโฟลิกสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม

วิตามินบีทั้งหมดนั้นให้สารอาหารที่จำเป็นมีหน้าที่สำคัญ ได้แก่ ส่งผลต่อสุขภาพของเส้นประสาท หัวใจ เลือด ผิวหนังและดวงตา ลดการอักเสบ อีกทั้งสนับสนุนการทำงานของฮอร์โมน บทบาทที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดอย่างหนึ่งของวิตามินบี คือการรักษาระบบเผาผลาญและย่อยอาหารที่ดี

วิตามินบี 2 ช่วยประโยชน์ต่อร่างกาย

วิตามินบี 2 มีความจำเป็นต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน ส่วนใหญ่ได้รับวิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) เพียงพอจากอาหารที่กิน วิตามินบี 2 ช่วยให้วามสำคัญมีบทบาทในการควบคุมระบบต่างๆ ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่

มีหน้าที่เผาผลาญพลังงาน

วิตามินบี 2 ช่วยในการย่อยโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในรูปของกลูโคส สิ่งนี้ช่วยเปลี่ยนสารอาหารจากอาหารให้เป็นพลังงานใช้ในร่างกาย

ช่วยป้องกันอาการปวดหัวรวมทั้งไมเกรน

วิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) ได้รับการพิสูจน์แล้วในการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนที่เจ็บปวดได้ในผู้ใหญ่ ซึ่งการรับประทานวิตามินบี 2 ขนาด 400 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อเป็นการป้องกันอาการปวดศีรษะ

ช่วยป้องกันและรักษาโรคโลหิตจางได้

ภาวะโลหิตจางเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ลดลง และการที่ไม่สามารถนำออกซิเจนไปยังเลือดได้ วิตามินบี 2 จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์ฮอร์โมนสเตียรอยด์ และการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง อีกทั้งยังช่วยขนส่งออกซิเจนไปยังเซลล์และช่วยในเคลื่อนย้ายธาตุเหล็ก

ช่วยต้านอนุมูลอิสระและป้องกันมะเร็ง

วิตามินบี 2 มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน เพราะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สร้างความเสียหายภายในร่างกาย วิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) จำเป็นสำหรับการผลิตสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า “กลูตาไธโอน” ซึ่งทำหน้าที่กำจัดอนุมูลอิสระ และยังช่วยล้างพิษที่ตับอีกด้วย

วิตามินบี 2 พบในอาหารอะไรบ้าง

แหล่งอาหารอะไรที่มีวิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) แม้ว่าจะพบในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมเป็นหลัก แต่ยังพบได้ในอาหารจากพืช เช่น ผักใบเขียวในปริมาณเล็กน้อย รวมทั้งพืชตระกูลถั่วและธัญพืช

อาหารวิตามินบี 2 ที่ดีที่สุด ในแหล่งอาหารเหล่านี้ ได้แก่

  • เนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ
  • ผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต และชีส
  • ไข่
  • เห็ด
  • ผักบางชนิด โดยเฉพาะผักใบเขียว
  • เมล็ดถั่วและธัญพืช เช่น ถั่วแดง อัลมอนด์ และเมล็ดทานตะวันอบ
ต้มผักนาน วิตามินหาย
วิตามินสูญเสียได้ระหว่างปรุงอาหาร

เนื่องจากมีวิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) ละลายในน้ำ ไรโบเฟลวินจึงสามารถหายไปได้มากเมื่ออาหารถูกต้ม และผักสามารถสูญเสียไรโบฟลาวินได้ระหว่างการปรุงอาหาร

อาการเมื่อขาดวิตามินบี 2

การขาดวิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) เป็นความเสี่ยงที่สำคัญเมื่อรับประทานอาหารไม่หลากหลาย เนื่องจากร่างกายสามารถขับวิตามินออกมาอย่างต่อเนื่องจึงไม่ถูกเก็บไว้ ภาวะการขาดวิตามินบี 2 มักจะขาดวิตามินอื่นๆ ด้วย

การขาดวิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) มีสองประเภท

  • การขาดสารไรโบเฟลวิน (วิตามินบี 2) ปฐมภูมิเกิดขึ้นเมื่ออาหารนั้นขาดหรือไม่มีวิตามินบี 2
  • การขาดสารไรโบเฟลวิน (วิตามินบี 2) ทุติยภูมิเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นอาจเป็นเพราะลำไส้ไม่สามารถดูดซึมวิตามินได้อย่างเหมาะสม และร่างกายนำมาใช้ไม่ได้ หรือเพราะถูกขับออกมาเร็วเกินไป

การขาดวิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) มักจะเป็นที่รู้จักกันดีพบบ่อยคือ การเกิดแผลที่มุมปากหรือที่เราเรียกว่าปากนกกระจอก

สัญญาณและอาการแสดงของการขาดสารอาหาร ได้แก่

  • ปากและลิ้นอักเสบ
  • เจ็บคอ
  • แผลในปาก
  • ริมฝีปากแตก
  • ผิวแห้ง
  • คันผิวหนัง
  • ตาอาจไวต่อแสงจ้า และอาจคัน น้ำตาไหล หรือแดงก่ำ

การขาดสารไรโบฟลาวิน (วิตามินบี 2) อาจส่งผลต่อไขกระดูกของเรา ซึ่งอาจลดจำนวนเม็ดเลือดแดง นำไปสู่โรคโลหิตจางได้

ผลข้างเคียงทานวิตามินบี 2 มากเกินไป

ไม่มีผลข้างเคียงจากวิตามินบี 2 (ไรโบเฟลวิน) มากเกินไปจากอาหารเพียงอย่างเดียว อาจเป็นเพราะความสามารถในการละลายของไรโบเฟลวิน และความสามารถในการดูดซึมในทางเดินอาหารมีจำกัด ไรโบเฟลวินส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ

KIGKOK
Logo