หากคลิกพบบทความนี้ คุณผู้ชายจะพบว่ากลิ่นตัวไม่ใช่ฝันร้ายอีกต่อไป แม้ว่าทุกคนจะมีกลิ่นที่เด่นชัด แต่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่มีกลิ่นที่ละเอียดอ่อน แม้ว่าเราจะเกลียดมัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน หากต้องการรักษาอย่างถูกต้อง คุณจะต้องรู้ว่าอะไรทำให้เกิดกลิ่นตัว เท่านั้นจึงจะสามารถขจัดปัญหานี้ออกไปจากชีวิตของคุณได้อย่างแท้จริง!
หัวข้อน่าสนใจ
Toggleกลิ่นตัวเกิดจากอะไร?
กลิ่นตัวเกิดจากสารเคมีหลายชนิดที่ผลิตจากต่อมเหงื่อและแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ตามผิวหนัง ผู้ชายมีต่อมเหงื่อที่ใหญ่กว่าและโดยทั่วไปจะผลิตเหงื่อมากกว่าผู้หญิง กลิ่นตัวส่วนใหญ่เกิดจากเหงื่อที่ออกมาจากต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ ผสมกับแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ตามผิวหนัง ทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
ต่อมเหงื่อมีอยู่ 2 ประเภท คือ
- ต่อมเหงื่อธรรมดา (Eccrine glands) พบอยู่ทั่วร่างกาย มีหน้าที่ขับเหงื่อออกมาเพื่อระบายความร้อนและรักษาสมดุลของอุณหภูมิในร่างกาย เหงื่อจากต่อมเหงื่อธรรมดาไม่มีกลิ่น
- ต่อมเหงื่ออะโพครายน์ (Apocrine glands) พบอยู่บริเวณรักแร้ หัวหน่าว และบริเวณรอบๆ ทวารหนัก มีหน้าที่ขับเหงื่อออกมาเพื่อสื่อสารทางสังคม เหงื่อจากต่อมเหงื่ออะโพครายน์มีกลิ่นแรง
เมื่อเหงื่อจากต่อมเหงื่ออะโพครายน์ออกมา แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ตามผิวหนังจะย่อยสลายเหงื่อและผลิตสารเคมีที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น แอมโมเนีย กรดไขมันสายสั้น และสารประกอบซัลเฟอร์ สารเคมีเหล่านี้ทำให้เกิดกลิ่นตัว
นอกจากเหงื่อและแบคทีเรียแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
- กลิ่นตัวธรรมชาติ กลิ่นตัวธรรมชาติมาจากการตัดแต่งและการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นตัวของร่างกาย ซึ่งเป็นผลจากการออกน้ำมันผิวหนัง, การออกความร้อนผ่านทางเหงือก, การสะสมของเลขาในร่างกาย, การอาบแสง, การอาบแดด, และกิจกรรมร่างกายที่หนักและเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดกลิ่นตัวเมื่อมีการตัดแต่งกลิ่นตัวของร่างกาย หรือจะปลิวมาจากน้ำลาย, น้ำปาก, และอื่น ๆ ของร่างกาย
- กลิ่นอาหาร กลิ่นตัวยังสามารถมาจากอาหารที่คุณบริโภค อาหารที่มีกลิ่นเหม็นแรง เช่น กระเทียม, หหรรษา, หอย, ปลา, ผลไม้, หรือเครื่องเทศ อาจทำให้กลิ่นตัวเปลี่ยนไป
- กลิ่นเสื้อผ้าและสิ่งของ กลิ่นตัวอาจมาจากเสื้อผ้า, สิ่งของ, หรือของใช้ส่วนตัวที่คุณใช้
- การอาบน้ำและการดูแลสุขภาพ การอาบน้ำ, การล้างผม, การใช้สบู่, ครีมหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนังแต่ละชนิดสามารถมีผลต่อกลิ่นตัว
- สภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมรอบตัวเช่น อากาศ, อุณหภูมิ, ความชื้น, และมลพิษอาจมีผลต่อกลิ่นตัว
- สภาพจิตใจ อารมณ์, ความเครียด, ความตื่นเต้น, หรือภาวะระยะหนึ่งอาจมีผลในกลิ่นตัว
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้กลิ่นตัวมีกลิ่นเหม็นเข้มข้นขึ้น
วิธีกำจัดกลิ่นตัวแรงผู้ชายมีดังนี้
- การรักษาสุขอนามัย เป็นการกำจัดสาเหตุของกลิ่นตัวโดยตรง โดยทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยใช้สบู่และน้ำเปล่า หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอมแรง เพราะอาจทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้นได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายมี 2 ประเภทหลักๆ คือ ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (Antiperspirant) และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย (Deodorant) ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อจะทำงานโดยการอุดตันต่อมเหงื่อ ทำให้ลดการขับเหงื่อ ส่วนผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายจะทำงานโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยลดการสะสมของกลิ่นตัว
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารที่มีไขมันสูง และแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับหรือหนาเกินไป การสวมเสื้อผ้าที่คับหรือหนาเกินไปจะทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดการขับเหงื่อมากขึ้น และทำให้เกิดกลิ่นตัวได้
- ดูแลสุขภาพร่างกาย หากมีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือโรคไทรอยด์ อาจทำให้มีปัญหากลิ่นตัวได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุ
นอกจากนี้ ยังมีวิธีกำจัดกลิ่นตัวอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น
- ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิด เช่น ใบเตย ตะไคร้ มะนาว และขิง มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย จึงอาจช่วยกำจัดกลิ่นตัวได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรบางชนิด เช่น สบู่สมุนไพร โรลออนสมุนไพร และครีมสมุนไพร มีส่วนผสมของสมุนไพรที่ช่วยกำจัดกลิ่นตัว
- ทำการผ่าตัด หากปัญหากลิ่นตัวรุนแรง อาจต้องพิจารณาทำการผ่าตัดเพื่อกำจัดต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้
ถ้าคุณผู้ชายยังคงมีปัญหากลิ่นตัวที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีเหล่านี้ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาอายุรกรรมเพื่อตรวจสุขภาพและค้นหาสาเหตุของกลิ่นตัวที่มีปัญหา ในบางกรณีกลิ่นตัวอาจเป็นเช็ดฉีดของภาวะทางการแพทย์หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ต้องรักษา