รู้หรือไม่มีพืชที่ใช้ในการบำรุงความจำ และความผิดปกติของสมองมาเป็นเวลานานหลายพันปี นั้นคือสมุนไพรพรมมิ ซึ่งเป็นพืชที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อจิตใจมากจนเป็นส่วนประกอบหลักของยาอายุรเวทแบบดั้งเดิม
พรมมิ หรือ ผักมิ (Brahmi) ชื่อวิทยาศาสตร์คือ บาโคปา มอนนิเอริ (Bacopa monnieri ) ใช้ในการรักษาปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับจิตใจรวมถึงโรคอัลไซเมอร์ การสูญเสียความทรงจำ ความวิตกกังวล อาการสมาธิสั้น (ADHD)โรคลมบ้าหมู และเป็นยาชูกำลังทั่วไปเพื่อต่อสู้กับความเครียดที่เหนื่อยล้า
หัวข้อน่าสนใจ
Toggleพรมมิคืออะไร
เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมนักบวชศาสนาโบราณในอินเดียสามารถจดจำเพลงสวด และพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ที่มีความยาวได้อย่างไร ความลับอยู่ในพืชมหัศจรรย์ที่สวยงามที่เรียกว่าพรมมิ อันที่จริงสิ่งนี้มีปาฏิหาริย์มากจนได้รับการขนานนามว่า “พรหม” ตามชื่อพระพรหม พระเจ้าผู้สร้างในศาสนาฮินดู
คนในสมัยโบราณรู้จักพืชมหัศจรรย์พรมมินี้ เป็นสมุนไพรที่ทรงพลังซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถทางปัญญา ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่สนใจในยาอายุรเวทแบบดั้งเดิมที่ใช้มาเป็นเวลานาน ในการรักษาปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ คำว่า “อายุรเวท” เป็นการผสมผสานระหว่างคำภาษาสันสกฤต อายุส หมายถึงชีวิต และเวท หมายถึงวิทยาศาสตร์หรือความรู้ ยาอายุรเวทมีถิ่นกำเนิดในอินเดียเป็นหนึ่งในระบบการแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของระบบการดูแลสุขภาพแบบดั้งเดิมของประเทศมาจนถึงทุกวันนี้
ในปัจจุบันพรมมิ ได้รับการยอมรับว่าเป็น นูโทรปิกส์ (Nootropics) ซึ่งเป็น “ยาอัจฉริยะ” ที่ช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง การวิจัยสมัยใหม่ได้ยืนยันสมุนไพรชนิดนี้ในอดีต และตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ในการศึกษาจำนวนมาก ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของสมุนไพรนี้ในการปรับปรุงความจำ ความสามารถในการเรียนรู้ และมีสมาธิ
ประโยชน์ 7 จากสมุนไพรพรมมิ
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ
สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ เกิดจากโมเลกุลที่อาจเป็นอันตรายที่เรียกว่า “อนุมูลอิสระ” ความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังหลายอย่าง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งบางชนิด
พรมมิมีสารประกอบที่มีประสิทธิภาพที่อาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น สารบาโคไซด์ (Bacosides) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์หลัก ต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันไม่ให้โมเลกุลของไขมันทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระ(1)
เมื่อโมเลกุลของไขทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระ จะผ่านกระบวนการที่เรียกว่าลิพิดเปอร์ออกซิเดชัน (Lipid peroxidation) ลิปิดเปอร์ออกซิเดชันเชื่อมโยงกับสภาวะต่างๆ เช่น อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และความผิดปกติทางระบบประสาทอื่นๆ สมุนไพรพรมมิอาจช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากกระบวนการนี้
ตัวอย่างเช่น การศึกษาพบว่าการรักษาหนูที่มีภาวะสมองเสื่อมด้วยสมุนไพรพรมมิ ช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และสัญญาณของความจำเสื่อม(2)
2. ช่วยลดการอักเสบ
การอักเสบคือการตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกาย ในการช่วยรักษาและต่อสู้กับโรคต่างๆ อย่างไรก็ตามการอักเสบเรื้อรัง มีความเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังหลายอย่าง เช่น มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจและไต
ในการศึกษาในหลอดทดลองด้วยสารสกัดพรมมิ ดูเหมือนจะยับยั้งการหลั่งไซโตไคน์ ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่กระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันอักเสบ(3)
นอกจากนี้ ในการศึกษาในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง ยังยับยั้งเอนไซม์ เช่น ไซโคลออกซีเจเนส คาสเปส และลิพอกซีเจเนส ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในการอักเสบและความเจ็บปวด(4)
ยิ่งไปกว่านั้น ในการศึกษาในสัตว์ทดลองด้วยสารสกัดพรมมิ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเทียบได้กับยาไดโคลฟีแนคและอินโดเมธาซิน ซึ่งเป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ที่มักใช้รักษาอาการอักเสบ(5)
อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่าสมุนไพรพรมมิ ช่วยลดการอักเสบในมนุษย์หรือไม่
3. อาจช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง
การวิจัยชี้ให้เห็นว่าสมุนไพรพรมมิ อาจช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง ตัวอย่างเช่น การศึกษาชิ้นหนึ่งในหนูทดลองพบว่าการเสริมสารสกัดพรมมิ ช่วยเพิ่มการเรียนรู้เชิงพื้นที่และความสามารถในการเก็บข้อมูล ยังพบว่าเพิ่มความยาวและการแตกแขนงของเดนไดรต์ (Dendrites) เป็นส่วนหนึ่งของเซลล์ประสาทในสมองที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการเรียนรู้และความจำ(6)
นอกจากนี้ การศึกษา 12 สัปดาห์ในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี 46 คน พบว่าการรับประทานสารสกัดพรมมิ ปริมาณ 300 มิลลิกรัม ต่อวันช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อมูลภาพ อัตราการเรียนรู้ และความจำ เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาหลอก(7)
การศึกษาอีก 12 สัปดาห์ในผู้สูงอายุ 60 คน พบว่าการรับประทานสารสกัดพรมมิ ขนาด 300 มิลลิกรัม หรือ 600 มิลลิกรัม ทุกวันช่วยเพิ่มความจำ ความสนใจ และความสามารถในการประมวลผลข้อมูล เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาหลอก(8)
4. อาจช่วยลดอาการสมาธิสั้นได้
โรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder หรือ ADHD) เป็นความผิดปกติทางพัฒนาการทางระบบประสาทที่มีลักษณะอาการต่างๆ เช่น พฤติกรรมขาดสมาธิ พฤติกรรมซุกซนไม่อยู่นิ่ง และพฤติกรรมขาดความยับยั้งชั่งใจตนเอง(9)
ที่น่าสนใจอย่างยิ่งในการวิจัยพบว่าสมุนไพรพรมมิอาจช่วยลดอาการสมาธิสั้นได้ การศึกษาชิ้นหนึ่งในเด็กอายุ 6-12 ปี จำนวน 31 คน พบว่าการรับประทาน สารสกัดจากพรมมิ ขนาด 225 มิลลิกรัม เป็นประจำทุกวันเป็น ในระยะเวลา 6 เดือน ช่วยลดอาการสมาธิสั้นได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น กระสับกระส่าย ควบคุมตนเองได้ไม่ดี ความไม่สนใจ และหุนหันพลันแล่นในเด็ก ได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์(10)
การศึกษาอีกกลุ่มในเด็กที่มีสมาธิสั้น 120 คน พบว่าการใช้สมุนไพรผสมที่มีพรมมิ ขนาด 125 มิลลิกรัม ช่วยเพิ่มความสนใจ การรับรู้ และการควบคุมแรงกระตุ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอก(11)
แม้ว่าการค้นพบนี้จะมีแนวโน้มที่ดี แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาให้มากขึ้น เพื่อตรวจสอบผลกระทบของสมุนไพรพรมมิต่ออาการสมาธิสั้น ก่อนจึงจะสามารถแนะนำการรักษาได้
5. อาจป้องกันความวิตกกังวลและความเครียด
พรมมิอาจช่วยป้องกันความวิตกกังวลและความเครียด ถือว่าเป็นสมุนไพรเหมาะสม หมายความว่าจะเพิ่มความต้านทานต่อความเครียดของร่างกาย การวิจัยชี้ให้เห็นว่าพรมมิช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวล โดยรักษาระดับอารมณ์และลดระดับคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เชื่อมโยงกับระดับความเครียด
ตัวอย่างเช่น การศึกษาในมนุษย์เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าการรับประทานสารสกัดพรมมิ ขนาด 300 มิลลิกรัมต่อวัน ช่วยลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าในผู้ใหญ่ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาหลอก(12)
6. อาจช่วยลดระดับความดันโลหิตได้
ความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรง เนื่องจากทำให้เครียดอาจทำให้หัวใจอ่อนแอเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้
การศึกษาในสัตว์ทดลองเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าพรมมิ อาจเพิ่มการใช้ไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide หรือ NO) ของร่างกายมนุษย์ และกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อหลอดเลือด ประโยชน์สองประการที่ส่งผลในเชิงบวกต่อความดันโลหิตปกติ วารสารการศึกษาชาติพันธุ์เวชศาสตร์ สรุปว่าจากการศึกษาวิจัยพบว่า ส่วนประกอบของพรมมิบางชนิด อาจมีประสิทธิภาพในการลดความดันโลหิตตามธรรมชาติ(13)
7. อาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง
สารบาโคไซด์ซึ่งเป็นกลุ่มของสารประกอบในสมุนไพรพรมมิ สามารถฆ่าเซลล์เนื้องอกในสมอง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่ในการศึกษาในหลอดทดลอง(14) การวิจัยชี้ให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระ และสารประกอบ เช่น สารบาโคไซด์ ในพรมมิอาจเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติในการต่อสู้กับมะเร็ง
ผลข้างเคียงของพรมมิ
แม้ว่าสมุนไพรจากพรมมิจะถือว่าปลอดภัย แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในบางคนได้ เช่น อาจทำให้เกิดอาการทางเดินอาหาร ได้แก่ คลื่นไส้ ปวดท้อง และท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานในขณะท้องว่าง
พรมมิสามารถมีผลกดประสาทเล็กน้อย ดังนั้นโปรดใช้ความระมัดระวังเมื่อใช้ร่วมกับยากล่อมประสาทอื่น ๆ และลดประสิทธิภาพของยาที่รักษาต่อมไทรอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานพรมมิหากมีอาการป่วย
บทส่งท้าย
สมุนไพรพรมมิเป็นยาอายุรเวทโบราณแบบดั้งเดิมมานานหลายศตวรรษ สำหรับโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ในงานวิจัยสมัยใหม่ยังคงยืนยันความสามารถของพรมมิ ในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงในแง่บวก ไม่ใช่แค่ความสามารถทางจิต เช่น ความจำและการเรียนรู้ แต่ยังรวมถึงสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
Tags: พืชสมุนไพร