เมื่อครั้งในวัยเด็กเมื่อได้เห็นผักชีลาวในแกงอ่อมแล้วละก็ต้องส่ายหัว ด้วยกลิ่นที่ไม่ดึงดูดและมีรสชาติแปลกๆ แต่ผักชีลาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผักชีลาวเป็นทั้งสมุนไพรและเครื่องเทศ ยังอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม แมงกานีส และธาตุเหล็กที่ดี และในฐานะที่เป็นอาหารต้านอนุมูลอิสระ ฟลาโวนอยด์ช่วยให้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านไวรัส ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ
หัวข้อน่าสนใจ
Toggleผักชีลาวคืออะไร
ผักชีลาวเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเดียวกันกับผักชีฝรั่งและยี่หร่า ชื่อภาษาอังกฤษของผักชีลาว คือ “Dill” และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ของผักชีลาว คือ “Anethum graveolens” มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนและมีการใช้มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณและโรมันเป็นทั้งเครื่องเทศและยา
ผักชีลาวเป็นสมุนไพรที่รู้จักกันอย่างดีในอียิปต์เมื่อ 5,000 ปีก่อน พืชชนิดนี้ถูกเรียกว่า “ยาบรรเทา” ราว 3,000 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นที่ทราบกันว่าชาวบาบิโลนปลูกผักชีลาวในสวนของพวกเขา ผักชีลาวยังเป็นพืชที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและคุ้นเคยในวัฒนธรรมกรีก โดยน้ำมันหอมระเหยของผักชีลาวถูกนำมาใช้ทำไวน์
ผักชีลาวเติบโตได้สูงถึง 40-60 เซนติเมตร โดยมีลำต้นเรียงสลับกันและแบ่งย่อยอย่างประณีต มีใบอ่อนที่ละเอียดอ่อนมาก ซึ่งปกติจะยาว 10–20 เซนติเมตร การแบ่งส่วนใบขั้นสุดท้ายมีความกว้างหนึ่งถึงสองมิลลิเมตร ดอกมีสีขาวถึงสีเหลือง มีพุ่มขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-9 เซนติเมตร เมล็ดมีความยาวสี่ถึงห้ามิลลิเมตร หนาหนึ่งมิลลิเมตร และตรงถึงโค้งเล็กน้อยโดยมีพื้นผิวเป็นรอยตามยาว
ประโยชน์ต่อสุขภาพจากผักชีลาว
ด้วยชื่อที่มาจากคำภาษานอร์สโบราณว่า “dilla” ซึ่งหมายถึงการบรรเทา มีการใช้ผักชีลาวตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อรักษาอาการจุกเสียดในทารกและโรคทางเดินอาหาร รวมทั้งช่วยในการเลี้ยงลูกด้วยนม(1) แม้ว่าการวิจัยจะไม่สนับสนุนการใช้แบบดังเดิมๆ เหล่านี้ แต่ผักชีลาวก็แสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆ
1. อาจช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้
การศึกษาวิจัยในอิหร่านของ Qom University of Medical Sciences ได้ศึกษาแบบสุ่มจากผู้ร่วมสำรวจนักเรียนหญิงอายุระหว่าง 18 ถึง 28 ปี โดยแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกได้รับผักชีลาวบดเป็นผงในแคปซูล ขนาด 500 มิลลิกรัม โดยรับประทาน 2 แคปซูลทุก 12 ชม. ในกลุ่มที่สองได้รับเมเฟนามิค แอซิด (Mefenamic Acid) ชนิดแคปซูล 250 มิลลิกรัม รับประทานทุก 12 ชม. และในกลุ่มที่สามโดยให้แป้งเป็นยาหลอกชนิดแคปซูล 500 มิลลิกรัม ทุก 12 ชม.
งานวิจัยนี้พบว่าผักชีลาวมีประสิทธิภาพเท่ากับเมเฟนามิค แอซิดในการลดความรุนแรงของความเจ็บปวดในประจำเดือนปฐมภูมิ(2)
2. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากโมเลกุลที่ไม่เสถียรที่เรียกว่าอนุมูลอิสระ
ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยลดการอักเสบเรื้อรังและป้องกัน หรือแม้กระทั่งรักษาอาการบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และมะเร็งบางชนิด(3)
ทั้งเมล็ดและใบของต้นผักชีลาว พบว่าอุดมไปด้วยสารประกอบของพืชหลายชนิดที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่
- สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สารประกอบจากพืชเหล่านี้สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งบางชนิด ยังอาจมีบทบาทสำคัญในสุขภาพสมอง
- เทอร์พีนอยด์ (Terpenoids) สารประกอบเหล่านี้พบได้ในน้ำมันหอมระเหย และอาจป้องกันโรคตับ หัวใจ ไต และสมอง
- แทนนิน (Tannin) มีรสขมในอาหารจากพืชหลายชนิด แทนนินมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ เช่นเดียวกับฤทธิ์ต้านจุลชีพ
3. อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ
โรคหัวใจเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตทั่วโลก อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกประมาณการว่าเกือบ 75% ของผู้ป่วยโรคหัวใจสามารถป้องกันได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดี การสูบบุหรี่ และการขาดการออกกำลังกาย(4)
ปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมสำหรับโรคหัวใจ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง ไตรกลีเซอไรด์ และระดับคอเลสเตอรอล LDL (ไขมันชนิดไม่ดี) ตลอดจนการอักเสบเรื้อรัง
สารฟลาโวนอยด์เช่นเดียวกับที่พบในผักชีลาวได้รับการแสดงเพื่อปกป้องสุขภาพของหัวใจเนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและคุณสมบัติต้านการอักเสบ
งานศึกษาชิ้นหนึ่งมีผู้ร่วมทดสอบ 91 คน ที่มีระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง พบว่าการรับประทานสารสกัดจากผักชีลาว 6 เม็ดทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน จะช่วยปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์รวมได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่เปลี่ยนแปลงระดับ HDL (ไขมันชนิดดี) คอเลสเตอรอล(5)
แม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระในสารสกัดจากผักชีลาว อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจโดยรวม แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของผักชีลาวต่อระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
4. อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
หากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะต่างๆ เช่น การดื้อต่ออินซูลิน โรคเมตาบอลิซึม และโรคเบาหวานประเภท 2
อันที่จริงการศึกษาหลายชิ้นในสัตว์ทดลองที่เป็นโรคเบาหวานได้แสดงให้เห็นว่าการอดอาหาร ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วยปริมาณสารสกัดจากผักชีลาวในแต่ละวัน อย่างไรก็ตามการวิจัยในมนุษย์ยังมีอยู่อย่างจำกัด(6)
5. อาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง
โมโนเทอร์พีเนส (Monoterpenes) เป็นส่วนหนึ่งของ เทอร์พีเนส (Terpenes) ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งเชื่อมโยงกับคุณสมบัติต้านมะเร็ง ต้านไวรัส ต้านเชื้อรา และต้านการอักเสบ
มักพบในน้ำมันหอมระเหยจากพืช เช่น ผักชีลาว และมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดี-ลิโมนีน (D-limonene) เป็นโมโนเทอร์พีเนสชนิดหนึ่งที่ศึกษาพบว่าอาจช่วยป้องกันและรักษามะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่(7)
เนื่องจากผักชีลาวมีโมโนเทอร์พีนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดี-ลิโมนีน จึงอาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสารสกัดจากผักชีลาวหรือผักชีลาวต่อความเสี่ยงหรือการรักษามะเร็ง
โภชนาการของผักชีลาว
ผักชีลาวสดปริมาณ 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้(8)
- พลังงาน 43 แคลอรี่
- โปรตีน 3.46 กรัม
- ไขมันทั้งหมด 1.12 กรัม
- วิตามินซี 85 มิลลิกรัม
- แมงกานีส 1.26 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 386 ไมโครกรัม
- โฟเลต 150 ไมโครกรัม
- ธาตุเหล็ก 6.59 มิลลิกรัม
ผักชีลาวสดมีแคลอรีต่ำมาก แต่ยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นหลายอย่าง รวมทั้งวิตามินซี แมงกานีส และวิตามินเอ
วิตามินเอเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการรักษาการมองเห็นและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ยังมีบทบาทในการสืบพันธุ์เพศชายและเพศหญิง
ในทำนองเดียวกันวิตามินซีมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของเรา และช่วยสร้างกระดูก การสมานแผล และการเผาผลาญพลังงาน
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากโมเลกุลที่ไม่เสถียร ที่เรียกว่าอนุมูลอิสระ
ผักชีลาวยังเป็นแหล่งที่ดีของแมงกานีส แม้ว่าจะต้องการในปริมาณที่น้อยมาก แต่ก็เป็นแร่ธาตุสำคัญที่สนับสนุนการทำงานปกติของสมอง ระบบประสาท และการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน
บทส่งท้าย
ผักชีลาวอาจมีประโยชน์หลายประการต่อสุขภาพ เป็นสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีรสชาติ ที่สามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารได้ รวมถึงการป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และแหล่งวิตามินซี แมกนีเซียม และวิตามินเอที่ดี
Tags: พืชสมุนไพร